แนวโน้มตลาดคริปโต, ฟอเร็กซ์ และ NASDAQ – 2 พฤศจิกายน 2025 พรีวิวสำหรับวันจันทร์ที่ 3 พ.ย. 2025 (ตลาดนิวยอร์ก)
ข้อมูล ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2025
โฟกัสหลัก: 1) Bitcoin (USD & EUR), 2) EUR/USD, 3) หุ้น NASDAQ 10 อันดับแรก
เนื้อหาด้านล่างนี้สรุปปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ, แนวโน้มคาดการณ์จนถึงปิดตลาดสหรัฐ (≈ 4:00 PM ET / 10:00 PM CET)
รวมถึง มุมมองเชิงกลยุทธ์ส่วนตัว (ไม่ถือเป็นคำแนะนำการลงทุน)
1) บิทคอยน์ – USD และ EUR
เหตุผลที่สำคัญ:
ราคาบิทคอยน์ได้รับอิทธิพลจากสภาพคล่องของดอลลาร์สหรัฐ, อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง (Real Yield), กระแสความเสี่ยง และปัจจัยภายในตลาดคริปโตเอง สำหรับนักลงทุนในยุโรปยังต้องพิจารณาค่าเงิน EUR/USD เพิ่มเติม
สถานการณ์ปัจจุบัน
- ระดับราคา (ปลายต.ค. – ต้นพ.ย.):
BTC เคลื่อนไหวบริเวณ ~ 110,000 ดอลลาร์
มีความผันผวนระหว่างวันสูง
แหล่งข้อมูล: Investing.com – ข้อมูลย้อนหลัง BTC
- เวลาซื้อขาย:
ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการจันทร์–ศุกร์ 9:30–16:00 น. (ET) ส่วนคริปโตซื้อขายได้ 24 ชั่วโมง
อ้างอิง: NYSE – เวลาทำการ
ปัจจัยขับเคลื่อนหลักสำหรับวันจันทร์
- ค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนจริง:
ดอลลาร์อ่อนค่ามีแนวโน้มหนุนสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงคริปโต ( ดู EUR/USD แบบเรียลไทม์
)
- ปัจจัยทางเทคนิค:
หากราคาทะลุแนวต้านเดิม อาจเกิดแรงซื้อตามเทรนด์ แต่ต้องระวังสัญญาณหลอก (false breakout)
แนวโน้มคาดการณ์ (ถึง 4:00 PM ET, 3 พ.ย.)
- BTC/USD ช่วงราคา:
$106,000 – $113,500
แนวโน้ม: ทรงตัวถึงขาขึ้นเล็กน้อย หากดอลลาร์ไม่แข็งค่าขึ้น
- BTC/EUR:
หาก EUR/USD อยู่ในช่วง 1.07–1.09 จะได้ช่วงราคาประมาณ €97,500 – €104,500
ระดับเทคนิคที่สำคัญ
- แนวรับ:$106k → $103k
- แนวต้าน:$112.5k → $115k
2) EUR/USD (สปอต)
เหตุผลที่สำคัญ:
คู่เงินนี้เป็นตัวกำหนดมูลค่าดอลลาร์ต่อสินทรัพย์อื่น ๆ และส่งผลต่อผลตอบแทนของนักลงทุนยุโรป ปัจจัยหลักได้แก่ ความต่างของอัตราดอกเบี้ย, แนวนโยบายของ Fed และ ECB และกระแสความเสี่ยงในตลาด
สถานการณ์ปัจจุบัน
แนวโน้มคาดการณ์ (ถึง 4:00 PM ET, 3 พ.ย.)
- ช่วงราคา:
1.070 – 1.092
แนวโน้ม: ทรงตัวถึงบวกเล็กน้อย หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐไม่ร้อนแรงเกินคาด
- ความเสี่ยง:
หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับขึ้น อาจกดค่าเงินยูโรกลับไปแถว 1.065
ระดับเทคนิค
- แนวรับ:
1.070 → 1.065
- แนวต้าน:
1.090 → 1.095
3) หุ้น NASDAQ 10 อันดับแรก
เหตุผลที่สำคัญ:
หุ้นขนาดใหญ่ใน NASDAQ มีอิทธิพลสูงต่อทิศทางดัชนีทั้งหมด ปัจจัยมหภาคอย่างค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีผลอย่างมากต่อมูลค่าหุ้นเหล่านี้
รายชื่อหุ้นหลัก (อ้างอิงล่าสุด)
แหล่งข้อมูล: Slickcharts – NASDAQ 100 Components
Microsoft (MSFT)
NVIDIA (NVDA)
Apple (AAPL)
Amazon (AMZN)
Alphabet A (GOOGL)
Alphabet C (GOOG)
Meta (META)
Broadcom (AVGO)
Costco (COST)
Tesla (TSLA)
ปัจจัยขับเคลื่อนหลักวันจันทร์
- ผลตอบแทนและค่าเงินดอลลาร์:
ผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงช่วยหนุนหุ้นเทคโนโลยี ขณะที่ดอลลาร์แข็งอาจกดดันรายได้จากต่างประเทศ
- งบไตรมาส/คำแนะนำ:
ความเคลื่อนไหวของหุ้นเดี่ยวอาจมาจากการปรับประมาณการหรือข่าวเฉพาะตัว
แนวโน้มโดยรวม (ถึง 4:00 PM ET, 3 พ.ย.)
- ทิศทางดัชนี:
ทรงตัวถึงบวกเล็กน้อย หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไม่เพิ่มขึ้นอีก
- ความเสี่ยง:
ข่าวเฉพาะบริษัท เช่น การปรับเรตติ้ง หรือคำแนะนำกำไร
ดูราคาล่าสุดของ QQQ/NDX ได้ที่ Nasdaq.com – QQQ
แนวทางกลยุทธ์เชิงเทคนิค (ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน)
- BTC (USD):
กลยุทธ์ซื้อเมื่อย่อตัวที่ช่วง $106k–$108k
โดยตั้งจุดตัดขาดทุนต่ำกว่า $103k; ถ้าปิดเหนือ $112.5k
อาจขยับเป้าหมายไปที่ $114.5k–$115k
- BTC (EUR):
ใช้หลักเดียวกัน แต่พิจารณาความแข็งแกร่งของ EUR/USD เพิ่มเติม
- EUR/USD:
เน้นเทรดในกรอบ 1.070–1.092; ถ้าทะลุ 1.095
อาจต่อถึง 1.10; ต่ำกว่า 1.065
เป็นสัญญาณกลับทิศ
- NASDAQ:
หากผลตอบแทนพันธบัตรคงที่ เน้นเข้าซื้อเมื่ออ่อนตัว โดยใช้ stop loss ใต้จุดต่ำสุดก่อนหน้า
- การบริหารความเสี่ยง:
ปรับขนาดการลงทุนตามความผันผวน และระวังความเสี่ยงจากข่าวนอกเวลาซื้อขาย (After Hours)
มุมมองเชิงกลยุทธ์ส่วนตัว (สำหรับวันที่ 3 พ.ย. 2025)
บิทคอยน์:
เน้นสะสมแบบแบ่งไม้บริเวณ $107k พร้อมตั้ง stop loss ใกล้ $103k; ไม่เปิดสถานะเลเวอเรจข้ามคืน
EUR/USD:
มุมมองเป็นกลาง หากทะลุ 1.095 ค่อยเพิ่มน้ำหนักฝั่ง Long
NASDAQ:
ให้น้ำหนักเพิ่มในหุ้น MSFT / NVDA
หากเปิดตลาดอ่อนตัว และใช้ QQQ Put หรือ Short เป็นการเฮดจ์ หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้น
แหล่งข้อมูล (คลิกได้)
คำเตือน:
เนื้อหานี้จัดทำเพื่อให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน
โปรดพิจารณาความเสี่ยง ความเหมาะสม และสถานะทางการเงินของตนเองก่อนตัดสินใจลงทุน